ของดีประจำจังหวัด พระนครศรีอยุธยา
1. ผ้าขาวม้า
เป็นผ้าสารพัดประโยชน์ที่คนไทยใช้มาแต่โบราณ ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะเป็นเพศชาย
สามารถใช้นุ่งอาบน้ำ เช็ดตัว คลุมหัวกันแดด หรือทำเปลก็ได้ บ้างก็เรียกว่า
"ผ้าเคียนเอว" ผ้าขาวม้ามีลักษณะเป็นผ้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ความกว้างประมาณ 2 ศอก ยาวประมาณ 3-4 ศอก
เป็นผ้าสำหรับผู้ชายใช้นุ่งแบบลำลอง ความกว้างจึงเท่ากับระยะจากเอวถึงกลางหน้าแข้ง
ความยาวเท่ากับระยะพันรอบตัวแล้วเหลือเศษอีกเล็กน้อย โดยมากทอเป็นลายตารางเล็กๆ
นิยมใช้ด้ายหลายสี อย่างไรก็ตาม ผ้าสีเดียว
ที่มีขนาดเท่ากับผ้าขาวม้าลายตารางหมากรุกแบบนี้ หากนำมาใช้นุ่งสำหรับผู้ชาย
ก็นิยมเรียกผ้าขาวม้าเช่นกัน ผ้าขาวม้าในประเทศไทยมีชื่อเรียกแตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับท้องถิ่น ซึ่งคำว่าผ้าขาวม้า เป็นภาษาทางภาคกลาง
ส่วนในภาคอีสานบางแห่งเรียกว่าผ้าแพร
ซึ่งมักจะได้จากการทอด้วยเครื่องทอผ้าที่เรียกว่า กี่ และจะทอเป็นขนาดยาวประมาณ 20-30
เมตร ต่อการทอแต่ละครั้งแล้วจึงตัดแบ่งออกเป็นผืน ผืนละ 1 วา หรือ ประมาณ 1 เมตรครึ่ง ดังนั้น
บางท้องถิ่นจึงเรียกว่าผ้าแพรวา เรียกตามความยาวของผ้าแต่ละผืน
สีและลวดลายของผ้าขาวม้าจะแตกต่างกันไปตามความนิยมของท้องถิ่นโดยทางภาคกลาง
ผ้าขาวม้าจะมีลวดลายเป็นตาลายสก๊อต และของภาคอีสานจะเป็นแบบตาเล็กๆ
2.ปลาตะเพียนสาน
เป็นงานประดิษฐ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทย
เดิมมักใช้ใบลานมาทำเป็นเส้นแผ่นยาว ๆ บาง ๆ มาตากแดด 2-3 นาที
แล้วมาสานเป็นรูปปลาตะเพียน เนื่องจากใบลานมีโครงสร้างที่แข็งแรง
แล้วลงสีให้สวยงาม จากนั้นก็นำมาประกอบเป็นโมบาย
สมัยก่อนคนไทยมีอาชีพทำนากันเป็นส่วนใหญ่ ในคูคลองก็จะมีปลาตะเพียนเป็นจำนวนมาก
ปลาตะเพียนสานจึงเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความอุดม สมบูรณ์ เนื่องจากช่วงที่
ปลาโตเต็มที่นั้น เป็นช่วงเดียวกับ ช่วงเวลาที่ ข้าวตกรวง
นอกจากนี้ผู้ใหญ่มักจะแขวน ปลาตะเพียนสาน ไว้เหนือเปลเด็ก เพื่อเป็นการอวยพร
ให้เด็กสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย
และในโอกาสที่มีพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่พระเจ้าหลานเธอ
พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พ.ศ. 2548 จึงให้ประชาชนคนไทยร่วมสานปลาตะเพียนร้อยเป็นโบมายแขวนประดับไว้ที่หน้าบ้าน
หรือห้างร้านเพื่อถวายพระพรอีกด้วย ปลาตะเพียนสาน มี 2 ชนิด
คือ ชนิดลวดลายและตกแต่งสวยงาม ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และอีกชนิดหนึ่งเป็นเพียงสีใบลานตามธรรมชาติ
3.ก๋วยเตี๋ยวเรือ
ก็เป็นอีกหนึ่งอาหารขึ้นชื่อของอยุธยา
ร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อยๆ มีอยู่ทั่วเกาะเมือง
ส่วนใหญ่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่ยกเรือขึ้นบกแล้ว
แต่รสชาติยังเข้มข้นถึงใจเช่นดังอดีต น้ำก๋วยเตี๋ยวสีข้นจากซีอิ๊วดำ เต้าหู้ยี้
คือเสน่ห์ของรสชาติที่ลืมไม่ลงอิ่มกับมื้อใหญ่ๆ หนักๆ กันไปแล้ว
4.กุ้งแม่น้ำเผา
ซึ่งจับได้ในแม่น้ำเจ้าพระยา กุ้งแม่น้ำที่จับได้จะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
เนื่องด้วยความอุดมสมบูรณ์ในแม่น้ำนั่นเอง
หากหิวท้องเมื่อไรก็สามารถตระเวนหากินได้ตามร้านอาหารที่เรียงรายอยู่ตามริมแม่น้ำในเกาะเมือง
กินกุ้งเผาตัวโตๆ พร้อมนั่งชมวิวริมแม่น้ำมันจะอร่อยขนาดไหน ไปลองกันได้
5.โรตีสายไหม
ล้างปากสักชิ้นสองชิ้นก็นับว่าเข้าท่าไม่น้อย
โรตีสายไหมถือเป็นของกินขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของอยุธยาที่ไม่ควรพลาด
แป้งโรตีที่นุ่มลิ้น ผสานกับน้ำตาลเส้นละเอียดดั่งปุยเมฆ
ได้กินแล้วรับรองว่าวางไม่ลง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น